การจัดการ Call Center ไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยปริมาณการโทรที่สูง เวลารอที่ยาวนาน และประสบการณ์ลูกค้าที่ไม่สม่ำเสมอ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้พนักงานและลูกค้าเกิดความไม่พอใจ ซึ่งจะส่งผลต่อความพึงพอใจของลูกค้า และนำไปสู่ต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเหนื่อยล้าของพนักงาน

แต่มีวิธีแก้ไข นั่นคือ การวิเคราะห์ Call Center โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เราสามารถระบุความไม่มีประสิทธิภาพ ปรับปรุงการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการลูกค้าได้

ในบทความนี้ เราจะอธิบายว่าการวิเคราะห์ Call Center จะช่วยปรับปรุงการดำเนินงานของคุณได้อย่างไร คุณจะได้เรียนรู้กลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เพื่อยกระดับการบริการลูกค้าและปรับปรุงกระบวนการทำงานของคุณให้ดีขึ้น

หัวข้อบทความ

  • Call Center Analytics คืออะไร?
  • ทำไมการวิเคราะห์ Call Center จึงสำคัญ?
  • ประเภทของการวิเคราะห์ Call Center
  • ฟีเจอร์สำคัญในการวิเคราะห์ Call Center
  • วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลการโทร

Call Center Analytics คืออะไร?

Call Center Analytics หรือการวิเคราะห์ Call Center เป็นคำรวมที่ใช้ในการใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความมีประสิทธิผลของ Call Center ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การติดตามปริมาณการโทร วิเคราะห์การสื่อสารกับลูกค้า การประเมินประสิทธิภาพของพนักงาน และการระบุจุดบกพร่องในการดำเนินงาน

จากมุมมองเฉพาะ เราสามารถแบ่งการวิเคราะห์ Call Center ออกเป็นการใช้งานเฉพาะต่าง ๆ เช่น การวิเคราะห์การสื่อสารกับลูกค้า การประเมินประสิทธิภาพของพนักงาน เป็นต้น

สรุปง่าย ๆ ก็คือ การวิเคราะห์ Call Center เปลี่ยนข้อมูลดิบให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้จริง เหมือนกับการมีแผนที่ที่ละเอียดนำทางคุณไปสู่การบริการที่ดีกว่าและการดำเนินงานที่ราบรื่นขึ้น โดยการเข้าใจและใช้ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้ Call Center สามารถเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน และดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ทำไมการวิเคราะห์ Call Center จึงสำคัญ?

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังบริหาร Call Center โดยที่ไม่รู้เลยว่ามีการโทรเข้ามากี่สาย พนักงานทำงานเป็นอย่างไร หรือว่าลูกค้ากำลังพูดอะไรอยู่ นั่นก็เหมือนกับการทำงานแบบไม่มีทิศทางถูกไหม?

การวิเคราะห์ Call Center ช่วยให้คุณเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างใน Call Center ของคุณ

พวกเขาจะแสดงให้คุณเห็นรูปแบบและแนวโน้มต่าง ๆ เช่น เวลาไหนที่เป็นช่วงที่ยุ่งที่สุด เพื่อที่คุณจะสามารถเตรียมพนักงานให้เพียงพอ นอกจากนี้คุณยังสามารถฟังการสนทนาของลูกค้าเพื่อเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา ซึ่งจะช่วยปรับปรุงบริการของคุณได้ การวิเคราะห์เหล่านี้จะแสดงให้เห็นว่าอะไรที่ทำให้ลูกค้ามีความสุขหรือไม่พอใจ

การวิเคราะห์ยังช่วยให้คุณเห็นว่าพนักงานทำงานได้ดีเพียงใด คุณสามารถระบุได้ว่าใครอาจต้องการการฝึกอบรมเพิ่มเติมและใครที่ทำงานได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถระบุปัญหาล่วงหน้า เช่น การร้องเรียนซ้ำ ๆ ของลูกค้าเกี่ยวกับปัญหาเดียวกัน เพื่อที่คุณจะสามารถแก้ไขได้ก่อนที่ปัญหาจะบานปลาย

ประเภทของการวิเคราะห์ Call Center

1. การวิเคราะห์การดำเนินงาน (Operational Analytics) การวิเคราะห์การดำเนินงาน เน้นที่กิจกรรมและประสิทธิภาพในการทำงานประจำวันของ Call Center

ช่วยให้ผู้จัดการ Call Center เข้าใจถึงประสิทธิภาพของ Call Center เหมือนกับการตรวจสุขภาพของเครื่องจักร โดยดูจากตัวบ่งชี้ต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างทำงานได้อย่างราบรื่น ตัวชี้วัดสำคัญได้แก่ Average Handle Time (AHT), Call Volume, และ Service Level โดยการติดตามตัวชี้วัดเหล่านี้ Call Center จะสามารถมั่นใจได้ว่าการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

2. การวิเคราะห์ประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience Analytics) การวิเคราะห์ประสบการณ์ลูกค้า เน้นที่การเข้าใจและปรับปรุงการเดินทางและความพึงพอใจของลูกค้า

เกี่ยวข้องกับการวัดความพึงพอใจของลูกค้า ข้อเสนอแนะ และประสบการณ์โดยรวมกับ Call Center ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าสามารถนำไปสู่ความภักดีและการรักษาลูกค้า ตัวชี้วัดหลักที่ใช้ในการวิเคราะห์ประสบการณ์ลูกค้าได้แก่ Customer Satisfaction Score (CSAT), Net Promoter Score (NPS), และ Customer Effort Score (CES)

คะแนนสูงมักหมายถึงลูกค้ามีความภักดีมากขึ้นและมีแนวโน้มที่จะแนะนำธุรกิจของคุณให้กับผู้อื่น ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับความสำเร็จในระยะยาว โดยการเน้นตัวชี้วัดเหล่านี้ Call Center สามารถระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุงและนำกลยุทธ์มาใช้เพื่อเพิ่มประสบการณ์ลูกค้าโดยรวม

3. การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของพนักงาน (Agent Performance Analytics) การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของพนักงาน เกี่ยวข้องกับการประเมินแง่มุมต่าง ๆ ของประสิทธิภาพของพนักงานแต่ละคน เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพในการจัดการกับการสื่อสารกับลูกค้า

การวิเคราะห์ประเภทนี้ยังช่วยให้ผู้จัดการติดตามกิจกรรมของพนักงานและอนุญาตให้มีการโค้ชส่วนบุคคล ตัวชี้วัดที่สำคัญ ได้แก่:

  • กิจกรรมการเข้าสู่ระบบของพนักงาน (Agent Login Activity): สรุปการเข้าสู่ระบบและออกจากระบบของพนักงาน
  • กิจกรรมการพักของพนักงาน (Agent Pause Activity): สรุปการหยุดพักและกลับมาทำงานของพนักงาน
  • กิจกรรมสายที่พลาดของพนักงาน (Agent Missed Call Activity): แสดงสายที่พลาดของพนักงานแต่ละคน
  • ประสิทธิภาพของพนักงาน (Agent Performance): ทบทวนประสิทธิภาพของพนักงานแต่ละคนและตัวชี้วัดการทำงานในคิวการโทรพร้อมข้อมูลเชิงลึกในการโทรโดยละเอียด
  • สรุปการโทรของพนักงาน (Agent Call Summary): รายละเอียดการโทรภายใน การโทรเข้า และการโทรออกที่พนักงานจัดการ

4. การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของคิว (Queue Performance Analytics) เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของพนักงาน การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของคิว ช่วยให้ผู้จัดการเข้าใจว่าคิวทำงานได้ดีเพียงใดและระบุพื้นที่ที่ต้องปรับปรุง

ส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของคิว ได้แก่:

  • เวลารอและเวลาสนทนาเฉลี่ยของคิว (Queue AVG Waiting & Talking Time): ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเวลาเฉลี่ยที่ลูกค้าต้องรอและเวลาสนทนาเฉลี่ยของพนักงาน Call Center โดยแยกตามชั่วโมง วัน และเดือน
  • ประสิทธิภาพของคิว (Queue Performance): ให้ภาพรวมของประสิทธิภาพของคิวการโทรพร้อมข้อมูลเชิงลึกในการโทรในคิวโดยละเอียด
  • กิจกรรมการโทรกลับในคิว (Queue Callback Activity): ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับสถิติการโทรกลับในคิวโดยละเอียด
  • การสำรวจความพึงพอใจ (Satisfaction Survey): สรุปการกดปุ่มที่รวบรวมจากผู้โทรเกี่ยวกับคิวและพนักงาน

5. การวิเคราะห์การประกันคุณภาพ (Quality Assurance (QA) Analytics) การวิเคราะห์การประกันคุณภาพ เป็นการวิเคราะห์ที่รับประกันว่าการสื่อสารระหว่างพนักงานและลูกค้าเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพที่กำหนดไว้ ตัวชี้วัดสำคัญ ได้แก่ คะแนนคุณภาพการโทร (Call Quality Scores), คะแนนการปฏิบัติตาม (Compliance Scores), และการปฏิบัติตามสคริปต์ (Script Adherence) ซึ่งมีความสำคัญสำหรับการรักษามาตรฐานการบริการที่สูง

7 ฟีเจอร์สำคัญในการวิเคราะห์ Call Center

การจัดการ Call Center ให้มีประสิทธิภาพอาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่การมีเครื่องมือการวิเคราะห์ที่เหมาะสมสามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมาก Yeastar มีฟีเจอร์การวิเคราะห์ข้อมูล Call Center ที่หลากหลาย ช่วยให้คุณเปลี่ยนข้อมูลดิบให้กลายเป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์ ทำให้การดำเนินงานของคุณราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

1. การติดตามผลแบบเรียลไทม์ (Real-time Monitoring)

การติดตามผลแบบเรียลไทม์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Call Center เพราะช่วยให้ผู้จัดการสามารถติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพได้ทันที ทำให้สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที

Queue Panel มีความสำคัญมากในการติดตามผลแบบเรียลไทม์ แสดงสิ่งที่เกิดขึ้นกับการโทรในขณะนั้น เช่น มีคนรอกี่คน รอมานานแค่ไหน และพนักงานคนใดพร้อมให้บริการ

สิ่งนี้ช่วยให้ผู้ควบคุมสามารถระบุและแก้ไขปัญหาคอขวดหรือความไม่มีประสิทธิภาพได้ทันที รักษาระดับการบริการที่สูงและมั่นใจได้ว่าลูกค้าจะพึงพอใจ

2. Wallboard

 Wallboards เป็นหน้าจอขนาดใหญ่ที่แสดงข้อมูลสดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Call Center เช่น จำนวนการโทรและเวลารอ

สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญต่อการวิเคราะห์ Call Center เพราะให้ข้อมูลสำคัญทันที ช่วยให้ผู้จัดการและพนักงานรับทราบข้อมูลและตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

3. การรายงานการโทร (Call Reporting)

การรายงานการโทรแบบเนทีฟ ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการดำเนินงานของ Call Center ช่วยให้ผู้จัดการวิเคราะห์รูปแบบการโทร ประสิทธิภาพของพนักงาน และการสื่อสารกับลูกค้า รายงานที่ครอบคลุมและปรับแต่งได้ช่วยให้การวางแผนกลยุทธ์และการปรับประสิทธิภาพทำได้ดียิ่งขึ้น

4. การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction Surveys)

การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินว่าการบริการ Call Center ของคุณตรงตามความคาดหวังของลูกค้าหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วซอฟต์แวร์ Call Center จะอนุญาตให้ลูกค้าให้คะแนนประสบการณ์ของตนโดยการกดปุ่มบนโทรศัพท์หลังจากการสื่อสาร ดังนั้นผู้จัดการจึงสามารถใช้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าเหล่านี้เพื่อติดตามระดับความพึงพอใจของลูกค้าและเน้นพื้นที่ที่อาจต้องปรับปรุง

5. การบันทึกและบันทึกการโทร (Call Recordings & Logs)

การบันทึกและบันทึกการโทรมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประกันคุณภาพ การฝึกอบรม และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ การเข้าถึงการโทรที่บันทึกไว้และบันทึกโดยละเอียดช่วยให้ผู้จัดการสามารถทบทวนการสื่อสาร ประเมินประสิทธิภาพของพนักงาน และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามนโยบายและกฎระเบียบ

6. การติดตามระดับการบริการ (Service Level Monitoring)

การติดตามระดับการบริการมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้แน่ใจว่า Call Center บรรลุเป้าหมายประสิทธิภาพ ผู้จัดการสามารถกำหนดระดับการบริการเป้าหมายและขีดจำกัด SLA (Service Level Agreement) สำหรับแต่ละคิว

สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าพนักงานจะรับสายภายในกรอบเวลาที่กำหนด ช่วยรักษาประสิทธิภาพสูงและความพึงพอใจของลูกค้า การติดตามว่า Call Center บรรลุเป้าหมายได้ดีเพียงใดจะช่วยให้ลูกค้ามีความสุขและการดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่น

7. การผสานรวม CRM (CRM Integration)

การผสานรวม CRM มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวิเคราะห์ Call Center เพราะเชื่อมโยงข้อมูลลูกค้ากับข้อมูลของศูนย์การติดต่อ สิ่งนี้ช่วยให้พนักงานเห็นประวัติและความต้องการของลูกค้า ทำให้การให้บริการเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ยังช่วยให้ Call Center วิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดเพื่อค้นหารูปแบบ ปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า และทำให้ Call Center ทำงานได้ดีขึ้นโดยรวม

วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลการโทร

ตอนนี้เราเข้าใจถึงความสำคัญของการวิเคราะห์ Call Center แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเรียนรู้วิธีใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้และนำมาใช้เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่า

นี่คือขั้นตอนแนะนำที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นได้:

1: รวบรวมข้อมูล

  • จำนวนการโทร: นับจำนวนการโทรเข้ามาและออกไป
  • ประสิทธิภาพของพนักงาน: ดูว่าพนักงานจัดการกับการโทรได้ดีเพียงใด ใช้เวลานานเท่าไร และลูกค้าพอใจหรือไม่
  • ข้อเสนอแนะจากลูกค้า: ขอความคิดเห็นจากลูกค้าผ่านการสำรวจหรือรีวิว

2: มุ่งเน้นที่ตัวชี้วัดสำคัญ

  • Average Handle Time (AHT): ตรวจสอบว่าแต่ละการโทรใช้เวลาเฉลี่ยนานเท่าไร
  • First Call Resolution (FCR): ดูว่ามีปัญหากี่รายการที่แก้ไขได้ในการโทรครั้งแรก
  • Customer Satisfaction (CSAT): วัดความพึงพอใจของลูกค้าหลังจากการโทร

3: มองหาลักษณะเฉพาะ

  • เปรียบเทียบข้อมูล: ดูข้อมูลในอดีตและปัจจุบันเพื่อค้นหาลักษณะเฉพาะ
  • ช่วงเวลาที่วุ่นวาย: หาช่วงเวลาที่มีการโทรเข้ามามากที่สุด
  • ปัญหาที่พบบ่อย: ระบุปัญหาที่ลูกค้าพบเจอบ่อย

4: ทำรายงาน

  • สร้างรายงานง่าย ๆ เพื่อแสดงสิ่งที่คุณพบ
  • ใช้แผนภูมิและกราฟเพื่อทำให้ข้อมูลชัดเจน

5: ทำการปรับปรุง

  • การฝึกอบรม: ฝึกอบรมพนักงานตามสิ่งที่คุณพบ
  • การเปลี่ยนแปลงกระบวนการ: เปลี่ยนวิธีการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา
  • เทคโนโลยีใหม่: ใช้เครื่องมือใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้พนักงานทำงานได้ดีขึ้น

6: ตรวจสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

  • ตรวจสอบตัวชี้วัดสำคัญเป็นประจำเพื่อดูว่ามีการปรับปรุงหรือไม่
  • เตรียมพร้อมที่จะทำการเปลี่ยนแปลงตามข้อมูลใหม่

การบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมจะกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าลูกค้า 88% กลับมาใช้บริการซ้ำหลังจากได้รับบริการที่ดี สิ่งสำคัญคือการมอบเครื่องมือที่เหมาะสมให้กับทีมของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าจะพึงพอใจ

ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Yeastar

ติดต่อเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

หากคุณต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cloud PBX จาก Call On Cloud สามารถติดต่อ ได้ที่เว็บไซต์ www.calloncloud.io  หรือโทร 02-460-9292  Line: @calloncloud  

สำหรับ P-Series (ในปีนี้ 2023): WhatsApp & SMS Messaging, Linkus SDK, IPv6 Support

สำหรับ P-Series (ในปีนี้ 2023): WhatsApp & SMS Messaging, Linkus SDK, IPv6 Support