ในโลกธุรกิจปัจจุบัน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การทำงานร่วมกันในองค์กรเป็นไปอย่างราบรื่น เบอร์ต่อภายในมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารภายในองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพในการติดต่อกับลูกค้า

เบอร์ต่อภายในคืออะไร?

เบอร์ต่อภายในหรือที่เรียกอีกอย่างคือ Phone Extension ส่วนใหญ่ก็จะเรียกสั้นๆ ว่า Extension เป็นรหัสย่อที่ใช้ในระบบโทรศัพท์ VoIP ซึ่งมักจะเป็นการเพิ่มตัวเลขหรืออักขระพิเศษต่อท้ายเบอร์โทรศัพท์หลัก ทำให้เหมือนกับเป็นเบอร์โทรศัพท์ย่อยสำหรับการใช้งานภายในองค์กร

ตัวอย่างเช่น ทีมขายอาจมีเบอร์ติดต่อ 555-1234 ต่อ 101 ในกรณีนี้ 555-1234 คือเบอร์หลัก และต่อ 101 คือเบอร์ต่อภายในที่ใช้เฉพาะสำหรับทีมขาย

เบอร์ต่อภายในมีสองหน้าที่หลัก ภายในองค์กร พนักงานสามารถใช้รหัสย่อนี้เพื่อติดต่อกันได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องจำหรือค้นหาเบอร์โทรศัพท์เต็ม ส่วนภายนอก ลูกค้าสามารถใช้เบอร์ต่อภายในเพื่อเข้าถึงพนักงานหรือแผนกเฉพาะได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านเมนูอัตโนมัติหรือต้องรอสาย

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง เปรียบเทียบ VoIP vs Landline แตกต่างกันอย่างไร?

วิธีการโทรหาเบอร์ต่อภายใน

การโทรหาเบอร์ต่อภายในทำได้ง่าย เพียงกดรหัสต่อภายใน (เช่น 1001) เพื่อพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานโดยตรง หากเป็นการโทรหาฝ่ายที่มีรหัสเฉพาะเช่น #50 ต้องกดรหัสนั้นก่อน เช่น กด #50-1001 เพื่อเข้าถึงปลายทางที่ต้องการ

สำหรับลูกค้า ขั้นตอนจะแตกต่างเล็กน้อย โดยต้องกดเบอร์หลักของธุรกิจก่อน (เช่น 555-1234) แล้วค่อยกดเบอร์ต่อภายใน (เช่น ต่อ 101) เพื่อเข้าถึงบุคคลหรือแผนกที่ต้องการ

ในระบบการสื่อสารแบบครบวงจร ทีมที่อยู่ต่างสถานที่สามารถติดต่อกันได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้เบอร์ต่อภายใน ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน

วิธีการสร้างเบอร์ต่อภายในด้วย Yeastar ใน 5 ขั้นตอน

1. เข้าสู่ระบบพอร์ทัลผู้ดูแลระบบ ไปที่ Extension and Trunk > Extension แล้วคลิก Add” หากต้องการสร้างหลายเบอร์ต่อภายใน ให้เลือก Bulk Add”

2. เลือกประเภทของเบอร์ต่อภายในที่ต้องการ โดยปกติจะเริ่มจากการสร้าง SIP extension

3. กรอกข้อมูลผู้ใช้ รวมถึงชื่อ อีเมล และบทบาทของผู้ใช้ พร้อมรายละเอียดเบอร์ต่อภายในที่จำเป็น

4. กรอกข้อมูลในส่วน Extension Information

5. คลิก Save และ Apply

นอกจาก SIP extension คุณยังสามารถตั้งค่า FXS extension เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์แอนะล็อกสำหรับการโทรเข้าและออก

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง FXO vs FXS มีความแตกต่างและทำงานอย่างไร?

ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ของเบอร์ต่อภายใน

Yeastar มีฟีเจอร์ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร เช่น:

  • Presence Status: แสดงสถานะการใช้งานของเบอร์ต่อภายในอื่น ๆ
  • Voicemail: รับและจัดการข้อความเสียง
  • Caller ID: แสดงข้อมูลผู้โทรเข้า
  • Speed Dial: รหัสย่อเพื่อโทรเบอร์ต่อภายในที่ใช้บ่อย
  • Extension Permissions: จัดการสิทธิ์หรือข้อจำกัดสำหรับแต่ละเบอร์ต่อภายใน

ประโยชน์ของการใช้เบอร์ต่อภายใน

  • การสื่อสารภายในองค์กรที่มีประสิทธิภาพ: ติดต่อเพื่อนร่วมงานได้โดยตรง
  • บริการลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น: ลูกค้าสามารถเข้าถึงบุคคลหรือแผนกได้รวดเร็วโดยไม่ต้องผ่านเมนูอัตโนมัติ
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: การโทรภายในระหว่างสาขาหรือทีมระยะไกลมักไม่มีค่าใช้จ่ายหรือมีค่าใช้จ่ายน้อยมาก
  • การจัดการที่ง่ายขึ้น: เพิ่มหรือลดเบอร์ต่อภายในได้ตามต้องการ

การกำหนดเส้นทางการโทรไปยังเบอร์ต่อภายใน

เมื่อคุณโทรหาเบอร์ต่อภายใน ระบบโทรศัพท์จะกำหนดเส้นทางการโทรภายในตามตัวเลขที่คุณกด จากนั้นการโทรจะถูกโอนโดยตรงไปยังบุคคลหรือแผนกที่ต้องการ หากผู้รับไม่ว่าง ระบบจะนำคุณไปยังกล่องข้อความเสียง (Voicemail) เพื่อฝากข้อความไว้ได้

สรุป

เบอร์ต่อภายในสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของคุณและทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น ด้วย Yeastar การตั้งค่าการสื่อสารของคุณจะราบรื่นยิ่งขึ้น ทีมงานสามารถทำงานร่วมกันได้ง่าย และลูกค้าสามารถติดต่อถึงบุคคลที่ต้องการได้โดยไม่มีความยุ่งยาก

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจควรเลือกผู้ให้บริการ Cloud PBX ที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ และบริการลูกค้าที่ดี เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับระบบที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่ากับการลงทุน

ที่มา Yeastar